โรคร้าย ๆ ที่มักจะมาพร้อมกับกระเป๋าสะพาย ~ The Adjustive.

โรคร้าย ๆ ที่มักจะมาพร้อมกับกระเป๋าสะพาย

ปัจจุบันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นักที่จะมองเห็นสาว ๆ มากมายหันมาใช้กระเป๋าสะพายกันมากขึ้น เนื่องจากทำให้พกพาสัมภาระต่าง ๆ ได้อย่างมากมายและเหมาะกับการใช้งานหลาย ๆ รูปแบบตลอดทั้งวัน แต่อย่างไรก็ตามหากสาว ๆ ใส่สัมภาระต่าง ๆ ที่ว่าทั้งแบบที่จำเป็นและไม่จำเป็นลงไปในกระเป๋ามากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับปัญหาต่างๆ อย่างแน่นอน

กระเป๋าสะพาย


โดยปัญหาหลักที่มักจะเจอนั้นส่วนมากแล้วจะมาจากหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกันอย่างเช่น การใช้กระเป๋าสะพายแบบสายยาวจะทำให้เกิดโรคอาหารปวดไหล่ หลังและคอมากกว่าการใช้กระเป๋าสะพายแบบสายสั้น โดยอาการปวดบริเวณดังกล่าวนั้นมาจากการสะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากจนเกินไป จนส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นทำงานไม่ได้ตามปกติที่ควรจะเป็น เนื่องจากบบริเวณไหล่ และต้นคอนั้นจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นตัวช่วยในการพยุงทำให้ศีษะตั้งตรง และหันไปมาตามที่ต้องการได้

กระเป๋าสะพายข้าง


ดังนั้นจึงส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวจึงต้องทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่คลอดเวลา นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีทั้งความยืดหยุ่น และแข็งแรงพอสมควร และถ้าขาดคุณสมบัติดังกล่าวไปก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาอาการเคล็บ ขัด หยอก หรือปวดเมื่อยได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน หรือหลังจากเดินทางกลับมาที่บ้านแล้ววางกระเป๋าสะพายคู่ใจออกจากตัวเป็นต้น
อย่างไรก็ตามปัญหาหลัก ๆ ของอาการปวดเมื่อบริเวณต้นคอ ไหล่ หรือหลังอาจจะไม่มีสาเหตุมาจากขนาดของกระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าถือหากแต่ว่ามันคือน้ำหนักของกระเป๋าที่ควรจะมีความพอดีกับการสะพาย หรือถือ ดังนั้นหากเลือกสะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากจนเกินไปและเป็นระยะเวลาที่ยาวนานสามารถรับรองได้เลยว่าปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้นจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าวคุณผู้หญิงควรที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสะพายกระเป๋า หรือถือกระเป๋าให้เหมาะสมกว่านี้ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ อย่างอาการปวดเมื่อยตามต้นคอ หรือหัวไหล่ ด้วยวิธีการปรับเปลี่ยนง่ายๆ  ดังต่อไปนี้

  1. เลือกใส่สัมภาระภายในกระเป๋าสะพายเท่าที่จำเป็น เพราะอันที่จริงแล้วน้ำหนักของกระเป๋าที่ดีไม่ควรเกิน 10% ของน้ำหนักผู้ถือกระเป๋า หรือสะพายกระเป๋าใบนั้นอย่างเช่น น้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม ควรที่จะสะพายกระเป๋าหรือถือกระเป๋าที่มีน้ำหนักไม่เกิน 4 กิโลเป็นต้น
  2. การกระจายน้ำหนักของสายสะพายนับได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นหากเลือกใช้กระเป๋าสะพายใบใหญ่มาก ๆ ควรที่จะเลือกคุณสมบัติของสายสะพายด้วยว่ามีคุณสมบัติในด้านการกระจายแรงสัมผัสหรือไม่ เพราะบางครั้งหากสายสะพายไร้คุณภาพอาการต่าง ๆ เหล่านั้นก็จะถามหาเช่นเดียวกัน
  3. การเปลี่ยนข้างหรือสลับไหล่ซ้ายหรือขวาในการสะพายกระเป๋าตลอดทั้งวัน หรือการเปลี่ยนจากสะพายกระเป๋าด้วยหัวไหล่ไปเป็นการสะพายด้วยวิธีการคล้องไหล่ก็จะทำให้ปัญหาเหล่านั้นทุเลาลงได้บ้าง

    กระเป๋าสะพายผู้หญิง
  4. การเลือกซื้อกระเป๋าสะพายข้างควรที่จะเลือกที่เหมาะกับร่างกายของสาว ๆ โดยเฉพาะลักษณะของการสะพายไม่ควรที่จะห่างออกจากหัวไหล่มากจนเกินไป ควรที่จะใกล้ชิดกับคอเพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ นานา ๆ ที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น
  5. การบริหารกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอหรือหัวไหล่ให้เป็นประจำทุกวัน หรือทำเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะจะเป็นตัวช่วยในการบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ เหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังจะทำให้สาว ๆ สามารถสะพายกระเป๋าได้นานยิ่งขึ้น เพราะการบริหารกล้ามเนื้อก็คือการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่ง
ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าการเลือกซื้อกระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าถือก็ตามไม่ควรที่จะคำนึงถึงขนาดของกระเป๋าเพียงอย่างเดียว แต่ควรที่จะให้ความสำคัญในด้านน้ำหนักของสัมภาระในกระเป๋าด้วยว่าหนักจนเกินไปหรือไม่ เพราะหากหนักเกินไปปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้นถามหาอย่างแน่นอน

More